จาดอน ซานโช่

ความหวังริบหรี่ หลังเชลซี ทำได้แค่เสมอ ม้าขาว อิปสวิช โอกาสลุ้นพื้นที่ แชมเปี้ยนส์ลีก เริ่มลำบาก

ความหวังของ เชลซี (Chelsea) ในการได้สิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน แชมเปียนส์ลีก (Champions League) ต้องสะดุดลง หลังจากที่ “สิงห์บลูส์” ทำได้เพียงเสมอกับ อิปสวิช (Ipswich) 2-2 ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ (Stamford Bridge) แม้ว่า เชลซี (Chelsea) จะครองเกมได้เหนือกว่าในช่วงต้นเกม แต่กลับเป็น อิปสวิช (Ipswich) ที่ขึ้นนำก่อน เมื่อ ฮูลิโอ เอนซิโซ (Julio Enciso) กองกลางที่ยืมตัวมาจาก ไบรตัน (Brighton) แปลงจังหวะครอสของ เบน จอห์นสัน (Ben Johnson) เป็นประตูแรกของเขากับสโมสร เอนซิโซ (Enciso) ผันตัวมาเป็นผู้จ่ายบอลให้กับประตูที่สองของ อิปสวิช (Ipswich) ด้วยการเปิดบอลยอดเยี่ยมไปที่เสาสองให้ จอห์นสัน (Johnson) โหม่งเข้าไปเป็นประตูแรกของเขาในฤดูกาลนี้ ส่งผลให้ทีมเยือนนำห่าง 2-0 ในช่วงพักครึ่ง เพียง 20 วินาทีหลังเริ่มครึ่งหลัง เชลซี (Chelsea) ได้ประตูตีตื้นจากจังหวะที่ แอ็กเซล ตวนเซเบ (Axel Tuanzebe) ทำเข้าประตูตัวเอง แต่ “สิงห์บลูส์” ต้องรอจนถึงช่วง 10 นาทีสุดท้ายกว่าจะได้ประตูตีเสมอ เมื่อ เจดอน ซานโช (Jadon Sancho) ที่ลงมาเป็นตัวสำรองโค้งบอลอย่างสวยงามเข้าไปที่มุมบนจากจังหวะเตะมุมสั้น ทั้ง เทรเวอร์ ชาโลบาห์ (Trevor Chalobah) และ เปโดร เนโต (Pedro Neto) มีโอกาสทำประตูให้กับ เชลซี (Chelsea) แต่ผลเสมอทำให้ “สิงห์บลูส์” อยู่อันดับที่ 5 ตามหลัง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) ที่อยู่อันดับ 3 อยู่ 3 แต้ม และนำหน้า แอสตัน วิลล่า (Aston Villa) ที่อยู่อันดับ 6 ด้วยผลต่างประตู อิปสวิช (Ipswich) ยังคงอยู่ห่างจากโซนปลอดภัย 14 คะแนน หลังจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน (Wolves) เอาชนะ ท็อตแน่ม (Tottenham) ที่สนาม โมลินิวซ์ (Molineux)

 

ซานโช ตอบสนองคำเรียกร้องของมาเรสก้า ท่ามกลางเสียงโห่ ในสแตมฟอร์ด บริดจ์

 

เสียงโห่ดังก้องทั่ว สแตมฟอร์ด บริดจ์ (Stamford Bridge) เมื่อ เอนโซ มาเรสก้า (Enzo Maresca) ตัดสินใจเปลี่ยน โนนิ มาดูเอเก้ (Noni Madueke) ออกเพื่อให้ ซานโช (Sancho) ลงสนามในครึ่งหลัง ปฏิกิริยาดังกล่าวอาจเกิดจากการถอน มาดูเอเก้ (Madueke) ออกจากสนาม ซึ่งกำลังสร้างปัญหาให้กับแนวรับฝั่งซ้ายของ อิปสวิช (Ipswich) มากกว่าการส่ง ซานโช (Sancho) ลงสนาม แต่ปีกที่ยืมตัวมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United) ยังไม่สามารถทำให้แฟนบอล เชลซี (Chelsea) ประทับใจได้มากนักตั้งแต่ย้ายมา เว็บ sbobet แม้จะมีสองแอสซิสต์ในเกมชนะ เลเกีย วอร์ซอว์ (Legia Warsaw) 3-0 เมื่อวันพฤหัสบดี แต่ ซานโช (Sancho) ยังไม่ได้แสดงฟอร์มที่จะทำให้ เชลซี (Chelsea) ตัดสินใจใช้อ็อปชันซื้อขาดด้วยมูลค่า 25 ล้านปอนด์ตามสัญญาการยืมตัว ความสามารถของ ซานโช (Sancho) ไม่เคยถูกตั้งคำถาม แต่เมื่อต้นเดือนนี้ มาเรสก้า (Maresca) กล่าวว่าปีกรายนี้ควร “ทำให้มากกว่านี้” เพื่อปรับปรุงตัวเลขของเขา โดยเฉพาะในแง่ของการทำประตู อดีตปีกของ ดอร์ทมุนด์ (Dortmund) ตอบสนองคำเรียกร้องของ มาเรสก้า (Maresca) ด้วยประตูที่สวยงามเพื่อทำให้เป็นประตูที่สามของเขาใน พรีเมียร์ลีก (Premier League) ฤดูกาลนี้ หลังจากรับบอลจากการเตะมุมสั้นของ โคล พาล์เมอร์ (Cole Palmer) ซานโช (Sancho) ได้รับเวลาและพื้นที่มากเกินไปที่ขอบกรอบเขตโทษ ก่อนจะโค้งบอลอย่างยอดเยี่ยมเข้าไปที่มุมบนซ้ายของ อเล็กซ์ พาล์เมอร์ (Alex Palmer) ก่อนหน้านั้นไม่นาน ซานโช (Sancho) ได้เผชิญหน้ากับอดีตเพื่อนร่วมทีม ตวนเซเบ (Tuanzebe) และส่งบอลที่ยอดเยี่ยมผ่านกรอบ 6 หลาของ อิปสวิช (Ipswich) ซึ่ง คอนเนอร์ ทาวน์เซนด์ (Conor Townsend) สกัดไว้ได้ในจังหวะที่ เอนโซ เฟอร์นานเดซ (Enzo Fernandez) เกือบจะทำประตูได้อย่างแน่นอน นี่คือการลงสนามที่เต็มไปด้วยการแสดงความสามารถอย่างที่แฟนบอล และ มาเรสก้า (Maresca) ไม่ได้เห็นมากพอจาก ซานโช (Sancho) ตั้งแต่ย้ายมาที่ลอนดอนตะวันตก เกมนี้เป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญสำหรับ เชลซี (Chelsea) ในการล่าตำแหน่งใน แชมเปียนส์ลีก (Champions League) ฤดูกาลหน้า แม้จะยังมีคะแนนตามหลังทีมที่อยู่ในโซนคุณภาพ แต่พวกเขายังคงมีโอกาสที่จะไล่ตาม น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ (Nottingham Forest) ได้ หากสามารถเก็บชัยชนะในเกมที่เหลือ เว็บ sbobet สำหรับ อิปสวิช (Ipswich) แม้ว่าพวกเขาจะทำผลงานได้ดีในเกมนี้ แต่สถานการณ์การหนีตกชั้นของพวกเขากำลังย่ำแย่ลงเรื่อย ๆ โดยเฉพาะหลังจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน (Wolves) เก็บชัยชนะได้ ทำให้ อิปสวิช (Ipswich) ยังคงห่างจากโซนปลอดภัยถึง 14 คะแนนมาเรสก้า (Maresca) ยังคงต้องหาทางปรับปรุงทีมของเขา โดยเฉพาะในแง่ของการเก็บคลีนชีต การเสียสองประตูให้กับทีมที่กำลังต่อสู้เพื่อหนีการตกชั้นไม่ใช่สัญญาณที่ดีสำหรับทีมที่หวังจะได้เล่นใน แชมเปียนส์ลีก (Champions League) ฤดูกาลหน้า อย่างไรก็ตาม การกลับมาทำผลงานได้ดีของ ซานโช (Sancho) อาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับ เชลซี (Chelsea) ในช่วงท้ายฤดูกาล หากเขาสามารถรักษาฟอร์มแบบนี้ไว้ได้ เขาอาจจะเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยให้ “สิงห์บลูส์” ประสบความสำเร็จในการเข้าร่วม แชมเปียนส์ลีก (Champions League) ในฤดูกาลหน้า

 

เส้นทางสู่ แชมเปียนส์ลีก (Champions League) ของ เชลซี (Chelsea) ยังคงอยู่ในมือของพวกเขา 

 

แต่พวกเขาจำเป็นต้องปรับปรุงประสิทธิภาพในเกมที่เหลือ โดยเฉพาะการรักษาความได้เปรียบเมื่อมีโอกาส และการรักษาความแข็งแกร่งในแนวรับ การเสียแต้มกับทีมอย่าง อิปสวิช (Ipswich) อาจจะเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเขาพลาดโอกาสในตอนท้ายฤดูกาล แฟนบอล เชลซี (Chelsea) คงหวังว่า มาเรสก้า (Maresca) จะสามารถกระตุ้นลูกทีมให้กลับมาชนะในเกมถัดไป เพื่อรักษาโอกาสในการเข้าร่วม แชมเปียนส์ลีก (Champions League) ในฤดูกาลหน้า ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญของสโมสรในทุก ๆ ฤดูกาล

จู๊ด เบลลิงแฮม

“เรอัล มาดริด ต้องการปาฏิหาริย์” จู๊ด เบลลิงแฮมเชื่อ สามารถพลิกเกมกลับมาได้ที่ เบร์นาเบว

“สนามเหย้าของเราเป็นสถานที่ที่เรื่องบ้าๆ มักเกิดขึ้นได้เสมอ” นี่คือคำเตือนจาก จูด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) ถึงนักเตะ อาร์เซนอล (Arsenal) หลังจากที่ เรอัล มาดริด (Real Madrid) ของเขาพ่ายแพ้ไป 3-0 ในเกมเลกแรกของรอบก่อนรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก (Champions League) ทั้งสองทีมจะพบกันในเกมเลกที่สองในวันพุธที่ 16 เมษายน ที่สนาม ซานติอาโก เบร์นาเบว (Santiago Bernabeu) ของ เรอัล มาดริด การพ่ายแพ้ของ มาดริด ในวันอังคารที่ผ่านมาถือเป็นความพ่ายแพ้ที่หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรอบน็อคเอาท์ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก และหลังจบเกม เบลลิงแฮม กล่าวว่าทีมของเขา “ห่างไกลจากฟอร์มที่ควรจะเป็น” เรอัล มาดริด แพ้ไปแล้ว 5 เกมในการแข่งขันรายการนี้ฤดูกาลนี้ ซึ่งเท่ากับสถิติของสโมสรที่เคยทำไว้ และชัยชนะของ อาร์เซนอล เป็นครั้งที่ 12 ที่ทีมจาก อังกฤษ ชนะด้วยผลต่างสามประตูหรือมากกว่าในเกมเลกแรกของรอบน็อคเอาท์ แชมเปี้ยนส์ ลีก  pic5678 และทุกครั้งทีมจาก อังกฤษ ก็ผ่านเข้ารอบต่อไปได้เสมอ อย่างไรก็ตาม กองกลางทีมชาติ อังกฤษ เชื่อว่า เรอัล ยังคง “มีลุ้น” ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก – รายการแข่งขันที่พวกเขามีประวัติการพลิกเกมแบบสุดดราม่ามาแล้ว ฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาเกือบจะตกรอบในเกมกับ บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) ก่อนที่จะพลิกสถานการณ์ด้วยสองประตูในช่วงท้ายเกมที่ เบร์นาเบว สามฤดูกาลก่อนหน้านี้ พวกเขาต้องการประตูในช่วงเวลาสุดท้ายในบ้านเพื่อเอาชนะ เชลซี (Chelsea) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) เพื่อรักษาโอกาสในการเข้ารอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในทั้งสองฤดูกาลนั้น ทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) ก็สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ “เราต้องการอะไรที่พิเศษมากๆ จริงๆ แล้วต้องการอะไรที่บ้าคลั่ง” เบลลิงแฮม บอกกับ Amazon Prime “เรามีเวลา 90 นาทีของฟุตบอล และอะไรก็เกิดขึ้นได้ที่ เบร์นาเบว”

 

ความหวังพลิกนรกจากความพ่ายแพ้ในนัดแรกของ  เรอัล มาดริด และประวัติศาสตร์แห่งปาฏิหาริย์

 

“สนามเหย้าของเราเป็นสถานที่ที่เรื่องบ้าๆ มักเกิดขึ้นได้เสมอ” คำพูดอันมีชื่อเสียงของ จู๊ด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) กลายเป็นความหวังของแฟนบอล เรอัล มาดริด (Real Madrid) ทั่วโลกหลังจากทีมของพวกเขาพ่ายแพ้อย่างหนักถึง 3-0 ต่อ อาร์เซนอล (Arsenal) ในรอบก่อนรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก (Champions League) เลกแรก ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในผลการแข่งขันที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เรอัล มาดริด ในรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเป็นการพ่ายแพ้ที่มีผลต่างมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยประสบในรอบน็อคเอาท์ของรายการนี้ ซึ่งนับเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนักสำหรับยอดทีมจาก สเปน คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) กุนซือผู้มากประสบการณ์ของ เรอัล มาดริด ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการเตรียมทีมสำหรับเกมเลกที่สอง ที่จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 16 เมษายน ที่สนาม ซานติอาโก เบร์นาเบว (Santiago Bernabeu) อันเป็นรังเหย้าของพวกเขา สถิติไม่ได้เข้าข้าง เรอัล มาดริด เลยแม้แต่น้อย เมื่อพิจารณาว่าทีมจาก อังกฤษ ที่ชนะในเกมเลกแรกด้วยผลต่างสามประตูหรือมากกว่าในรอบน็อคเอาท์ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้ง 12 ครั้งที่ผ่านมา ล้วนผ่านเข้ารอบต่อไปได้ทั้งหมด นอกจากนี้ เรอัล มาดริด ยังเสียไปแล้วถึง 5 เกมในฤดูกาลนี้ในรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเท่ากับสถิติที่แย่ที่สุดของสโมสร แต่ถ้ามีทีมที่เราไม่ควรด่วนตัดสินว่าหมดโอกาส นั่นก็คือ เรอัล มาดริด โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเล่นที่ เบร์นาเบว ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้แทบทุกครั้งที่ต้องการ ย้อนกลับไปในฤดูกาลที่แล้ว เรอัล มาดริด เกือบจะตกรอบในเกมรอบรองชนะเลิศกับ บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) ก่อนที่จะสร้างการพลิกกลับด้วยสองประตูในช่วงท้ายเกมที่บ้านของพวกเขา ทำให้ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ไม่เพียงเท่านั้น pic5678 สามฤดูกาลก่อนหน้านี้ พวกเขายังต้องพึ่งพาประตูในช่วงเวลาสุดท้ายในบ้านเพื่อเอาชนะทั้ง เชลซี (Chelsea) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) เพื่อรักษาโอกาสในการเข้ารอบต่อไปใน แชมเปี้ยนส์ ลีก และในทั้งสองฤดูกาลนั้น ทีมของ อันเชล็อตติ ก็สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้ในที่สุด “เราต้องการอะไรที่พิเศษมากๆ จริงๆ แล้วต้องการอะไรที่บ้าคลั่ง” เบลลิงแฮม กล่าวกับ Amazon Prime หลังจบเกมเลกแรก “เรามีเวลา 90 นาทีของฟุตบอล และอะไรก็เกิดขึ้นได้ที่ เบร์นาเบว” ถ้อยคำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณอันแท้จริงของ เรอัล มาดริด ทีมที่ไม่เคยยอมแพ้จนกว่านกหวีดสุดท้ายจะดังขึ้น ความเชื่อมั่นของ เบลลิงแฮม ไม่ได้มาจากความหยิ่งผยอง แต่มาจากความเข้าใจในประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสโมสรที่เขาสังกัดอยู่

การเผชิญหน้ากับ อาร์เซนอล ในเกมเลกที่สองจะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญสำหรับ เรอัล มาดริด และความสามารถในการฟื้นตัวของพวกเขา ทีมปืนใหญ่ภายใต้การนำของ มิเกล อาร์เตต้า (Mikel Arteta) กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และพวกเขาไม่มีทางปล่อยให้โอกาสในการเข้ารอบรองชนะเลิศหลุดมือไปอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม เรอัล มาดริด มีประสบการณ์มากมายในสถานการณ์เช่นนี้ และพวกเขารู้ดีว่าต้องทำอย่างไรเพื่อกดดันคู่แข่งในบ้านของตัวเอง การสนับสนุนจากแฟนบอลที่ เบร์นาเบว จะเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจช่วยยกระดับการเล่นของนักเตะ เรอัล มาดริด ให้สูงขึ้นอีกขั้น

 

เมื่อพูดถึง แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่มีทีมใดประสบความสำเร็จมากกว่า เรอัล มาดริด ด้วยจำนวนแชมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์รายการนี้ 

 

รากฐานความสำเร็จของพวกเขาไม่ได้มาจากแค่ความสามารถของนักเตะ แต่ยังรวมถึงเจตจำนงอันแน่วแน่และความเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถเอาชนะอุปสรรคใดๆ ได้ แม้ว่าเส้นทางสู่รอบต่อไปจะดูยากลำบาก แต่ประวัติศาสตร์ได้สอนเราแล้วว่า เรอัล มาดริด ไม่เคยยอมแพ้ง่ายๆ และเมื่อพูดถึงการพลิกสถานการณ์ในรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญตัวจริง บรรยากาศที่ ซานติอาโก เบร์นาเบว ในคืนวันพุธที่ 16 เมษายน จะเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสำหรับวงการฟุตบอล และแฟนบอลทั่วโลกจะได้เห็นว่า เรอัล  มาดริด จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้งได้หรือไม่ หรือว่า อาร์เซนอล จะยืนหยัดและผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

คาร์โล อันเชล็อตติ

อันเช่ ชี้ ชุดขาวพลาด ที่ไม่สามารถเข้ารอบ โดยการติดท็อป 8 ได้ ทำให้ต้องมาเหนื่อยต่อในเพลย์ ออฟ

คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อก่อนการจับสลากแชมเปียนส์ลีก (Champions League) ซึ่งจะได้รู้ว่า เรอัล มาดริด (Real Madrid) จะต้องเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) หรือ เซลติก (Celtic) การเปลี่ยนแปลงลำดับที่ บัลเดเบบาส (Valdebebas) โดยมีการแถลงข่าวก่อนการฝึกซ้อม เพื่อหลีกเลี่ยงคำถามที่จะมุ่งเน้นไปในทิศทางเดียวกันก่อนเกมลีก กุนซือชาวอิตาเลียนได้เปิดเผยเกี่ยวกับการที่ทีมต้องเล่นเพิ่มอีกสองนัดซึ่งทำให้จำนวนเกมรวมเพิ่มขึ้นเป็น 74 นัดว่า “ในโลกที่สมบูรณ์แบบ เราคงไม่ต้องเล่นเกมเหล่านี้ แต่เราทำพลาดและไม่สามารถเข้าสู่ท็อป 8 ได้ แต่ผมสามารถบอกได้ว่ามันจะเป็นเกมที่สนุก และเรามีทรัพยากรเพียงพอที่จะผ่านมันไปได้” เกมเยือนนัดที่สามติดต่อกัน “ผมคาดว่าจะเป็นเกมที่ยากลำบากเหมือนเช่นเคย นี่เป็นช่วงเวลาสำคัญของ ลา ลีกา (La Liga) สำหรับทุกทีม คะแนนที่กำลังจะได้เริ่มมีความสำคัญมากกว่าช่วงต้นฤดูกาล เรามีความได้เปรียบและต้องการรักษามันไว้” “ผมเชื่อว่าทุกเกมสามารถส่งผลต่อฤดูกาล ทุกอย่างมีผลต่อฤดูกาล เราต้องคิดถึงเกมที่เราต้องเล่น ซึ่งมีจำนวนมาก ตั้งแต่วันนี้จนถึงช่วงพักเบรกในเดือนมีนาคม เรามีเกมถึง 13 เกม ซึ่งถือว่าเยอะมาก ทุกเกมมีความสำคัญตั้งแต่วันนี้เพราะเราต้องเล่นหลายรายการ” คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) ผู้จัดการทีม เรอัล มาดริด (Real Madrid) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในการแถลงข่าวก่อนการจับสลากรอบน็อคเอาท์ แชมเปียนส์ลีก (Champions League) ซึ่งเป็นรายการที่ทีมราชันชุดขาวให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาลนี้ที่พวกเขาต้องเผชิญกับตารางการแข่งขันที่แน่นขนัด

 

การเปลี่ยนแปลงตารางการแถลงข่าวที่ศูนย์ฝึก บัลเดเบบาส (Valdebebas) ครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อให้สื่อมวลชนได้มีโอกาสถามคำถามที่หลากหลาย 

 

ไม่จำกัดอยู่แค่เรื่องเกมลีกที่กำลังจะมาถึง กุนซือวัย 64 ปี ได้พูดถึงความท้าทายที่ทีมต้องเผชิญจากการที่ต้องลงเล่นเพิ่มอีกสองนัดในรายการ แชมเปียนส์ลีก (Champions League) ซึ่งทำให้จำนวนเกมรวมทั้งฤดูกาลพุ่งสูงถึง 74 นัด “ในโลกที่สมบูรณ์แบบ เราคงไม่ต้องเล่นเกมเพิ่มเติมเหล่านี้” อันเชล็อตติ (Ancelotti) กล่าว “แต่เราทำพลาดและไม่สามารถเข้าสู่อันดับท็อป 8 ได้ อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่าจะเป็นเกมที่สนุกและน่าติดตาม eaxybox ที่สำคัญคือเรามีทรัพยากรและความพร้อมเพียงพอที่จะผ่านด่านนี้ไปได้” การเผชิญหน้ากับทีมอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) หรือ เซลติก (Celtic) ในรอบน็อคเอาท์นั้น ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง eaxybox โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ เรอัล มาดริด (Real Madrid) กำลังต้องเผชิญกับตารางการแข่งขันที่หนักหน่วงในลีก ด้วยการลงเล่นนอกบ้านสามนัดติดต่อกัน “เกมลีกที่กำลังจะมาถึงนี้จะเป็นเกมที่ยากลำบากอย่างแน่นอน” อันเชล็อตติ (Ancelotti) กล่าวต่อ “ทุกทีมในลา ลีกา (La Liga) กำลังเข้าสู่ช่วงสำคัญของฤดูกาล คะแนนที่จะได้ในช่วงนี้มีความสำคัญมากกว่าช่วงต้นฤดูกาล เรามีความได้เปรียบอยู่และต้องการรักษามันไว้ให้ได้”

 

เมื่อถูกถามถึงการจับสลาก แชมเปียนส์ลีก (Champions League) กุนซือชาวอิตาเลียนได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของทุกเกมที่จะส่งผลต่อฤดูกาลโดยรวม “ทุกเกมมีความสำคัญและส่งผลต่อฤดูกาล” เขากล่าว “เราต้องคิดให้รอบคอบเกี่ยวกับเกมที่เรากำลังจะเล่น ซึ่งมีจำนวนมาก ตั้งแต่วันนี้จนถึงช่วงพักเบรกในเดือนมีนาคม เรามีเกมถึง 13 เกม ซึ่งเป็นจำนวนที่มากทีเดียว แต่ละเกมมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเรากำลังแข่งขันในหลายรายการ”

 

การจัดการกับตารางการแข่งขันที่แน่นขนัด ซึ่งมีผลกระทบต่อโปรแกรมต่างๆ ของทีม

 

“ไม่มีเวลาในการเตรียมทีม มีแค่การฟื้นฟูร่างกาย การดูวิดีโอวิเคราะห์ และการลงแข่งขันต่อเนื่องไปอีก 40 วัน หน้าที่ของเราคือการเตรียมทีมให้พร้อม รวมถึงการรักษาแรงจูงใจของนักเตะที่ได้ลงสนามน้อย เพราะพวกเขาจะมีความสำคัญอย่างมากในช่วงนี้ของฤดูกาล เราต้องเข้าใจเรื่องการหมุนเวียนนักเตะเพื่อรักษาความกระตือรือร้นของทีม เพราะผมต้องการใช้นักเตะทุกคนในช่วงเวลานี้”

เรื่องตำแหน่งการเล่นของโรดรีโก้ (Rodrygo)

“นี่เป็นคำถามที่น่าสนใจและอาจเป็นประเด็นถกเถียงได้ เขารู้สึกสบายเมื่อเล่นในตำแหน่งปีกซ้าย แต่ก็ทำผลงานได้ดีในตำแหน่งปีกขวาเช่นกัน ผมคิดว่าเขาเป็นนักเตะที่ครบเครื่อง เรารู้ว่าเขาชอบเล่นฝั่งซ้ายมากกว่า แต่บางครั้งก็ต้องมีคนเสียสละ”

เรื่องอนาคตของ โรดรีโก้ (Rodrygo) และข้อเสนอจากซาอุดีอาระเบีย (Saudi Arabia)

“ผมไม่อยากพูดถึงอนาคตของนักเตะ เพราะมันเป็นการตัดสินใจส่วนตัว แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ นักเตะที่อยู่ที่นี่มีความสุขมากและต้องการอยู่ให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พวกเขาต้องการคว้าแชมป์และสร้างผลงาน ส่วนความคิดส่วนตัวของแต่ละคน ผมไม่ทราบ! การพูดถึงอนาคตของตัวผมเองก็ยากแล้ว จะให้พูดถึงอนาคตของนักเตะยิ่งยากกว่า! แต่สิ่งที่ผมเห็นและได้ยินคือ มีนักเตะมากมายที่อยากอยู่ในตำแหน่งของ โรดรีโก้  (Rodrygo) และ วินิซิอุส (Vinicius) เพราะมีนักเตะจำนวนมากที่ต้องการเล่นให้กับสโมสรนี้ ในทีมนี้ ใส่เสื้อนี้ จำนวนมากจริงๆ ผมไม่อยากเอ่ยชื่อ แต่มีนักเตะมากมายที่ต้องการมาที่นี่ บางคนคุณอาจคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ นี่คือประวัติศาสตร์และพลังของสโมสรแห่งนี้ แม้แต่โค้ชก็อยากมาที่นี่เหมือนกัน (หัวเราะ)!” “มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงการวางแผนของเรา ในโลกที่สมบูรณ์แบบ เราคงไม่ต้องเล่นรอบนี้ แต่เราพลาดโอกาสเข้า 8 ทีมแรก การแข่งขันจะสนุกแน่นอน ผมพูดได้เลย และเรามีทรัพยากรเพียงพอที่จะผ่านไปได้”

เอมี่ มาร์ติเนซ

เอมี่ (Emi Martinez) โชว์เซฟสุดยอด ในเกมที่ แอสตัน วิลล่า (Aston Villa) เสมอกับ ยูเวนตุส (Juventus) ที่ขาดตัวหลักหลายราย

แอสตัน วิลล่า (Aston Villa) ต้องยอมรับผลเสมอ 0-0 กับ ยูเวนตุส (Juventus) ในศึก แชมเปียนส์ ลีก (Champions League) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากที่ประตูในช่วงท้ายเกมของ มอร์แกน โรเจอร์ส (Morgan Rogers) ถูกยกเลิกเนื่องจากฟาวล์ผู้รักษาประตู มิเคเล่ ดิ เกรโกริโอ (Michele Di Gregorio) ของ ยูเวนตุส ทีมเจ้าบ้านคิดว่าพวกเขาจะได้ชัยชนะในนาทีสุดท้าย เพื่อยุติสถิติไม่ชนะ 6 เกมติดต่อกัน เมื่อ ดิ เกรโกริโอ (Di Gregorio) รับลูกฟรีคิกพลาด แต่ ดิเอโก้ คาร์ลอส (Diego Carlos) ทำฟาวล์ผู้รักษาประตูของ ยูเวนตุส ในจังหวะที่ โรเจอร์ส (Rogers) ยิงบอลเข้าประตู ทำให้แฟนบอล วิลล่า โห่ไล่หลังจบเกม อูไน เอเมรี่ (Unai Emery) กุนซือของ วิลล่า กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “มันเป็นการตัดสินของผู้ตัดสิน เป็นเพียงการตีความของเขา สำหรับผมแล้ว การตัดสินครั้งนี้รุนแรงเกินไป ในอังกฤษ ปกติแล้วจังหวะแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นฟาวล์เพราะมีการปะทะกันเบามาก ตารางบอล แต่ในยุโรป อาจจะถือว่าเป็นฟาวล์ได้” เกมนี้ไม่ได้สนุกมากนัก โดย ยูเวนตุส ดูจะพอใจกับการครองบอล ทั้งสองทีมพลาดโอกาสทำประตูหลายครั้ง โดยโอกาสที่ดีที่สุดของ วิลล่า มาจาก ลูคัส ดีญ (Lucas Digne) ที่ยิงฟรีคิกชนคานในช่วงวินาทีสุดท้ายของครึ่งแรก  

 

เอมี่ โชว์ซูเปอร์เซฟสุดสำคัญ ช่วย แอสตัน วิลล่า เจ๊า ยูเว่ ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

 

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ (Emiliano Martinez) ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของ แอสตัน วิลล่า (Aston Villa) โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในเกมที่ทีมของเขาเสมอกับ ยูเวนตุส (Juventus) 0-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก (UEFA Champions League) เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ท่ามกลางความผิดหวังของแฟนบอลเจ้าถิ่นที่เห็นประตูชัยในนาทีสุดท้ายถูกยกเลิก นายด่านชาวอาร์เจนไตน่าเริ่มต้นคืนพิเศษด้วยการเดินลงสนามพร้อมกับลูกๆ และถ้วยรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของโลกสองปีติดต่อกัน ก่อนที่เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าทำไมถึงได้รับรางวัลดังกล่าวด้วยการเซฟสุดยอดในช่วงครึ่งหลัง ตารางบอล เมื่อเขาปัดหัวของ ฟรานซิสโก้ คอนเซเซา (Francisco Conceição) ที่ดูเหมือนจะเป็นประตูแน่ๆ ออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ ในช่วงท้ายเกม แอสตัน วิลล่า เกือบจะได้ประตูชัยเมื่อ มอร์แกน โรเจอร์ส (Morgan Rogers) ยิงบอลเข้าประตู แต่ผู้ตัดสินกลับเป่าฟาวล์ให้กับ มิเคเล่ ดิ เกรโกริโอ (Michele Di Gregorio) ผู้รักษาประตูของ ยูเวนตุส หลังจากที่ ดิเอโก้ คาร์ลอส (Diego Carlos) ทำฟาวล์ในจังหวะก่อนหน้า

 

จากเกมนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่า แอสตัน วิลล่า กำลังจะยกระดับขึ้น ทาบบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ ในยุโรปได้ในอนาคตอันใกล้นี้

 

เกมนี้ไม่ได้สนุกสนานมากนัก โดย ยูเวนตุส ที่มีผู้เล่นให้ใช้งานเพียง 14 คนในวันนี้ เลือกที่จะเล่นเกมรับและครองบอลเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ วิลล่า พยายามสร้างโอกาสทำประตูแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ โดยโอกาสที่ดีที่สุดมาจากลูกฟรีคิกของ ลูคัส ดีญ (Lucas Digne) ที่ชนคานในช่วงท้ายครึ่งแรก จอห์น แมคกินน์ (John McGinn) กัปตันทีม วิลล่า ก็มีโอกาสทำประตูในนาทีที่ 70 หลังได้รับบอลจาก เลออน เบลีย์ (Leon Bailey) แต่ก็ถูก มานูเอล โลคาเตลลี่ (Manuel Locatelli) บล็อกไว้ได้ สถานการณ์ในตาราง

หลังจากเกมนี้ แอสตัน วิลล่า ที่เคยเริ่มต้น แชมเปียนส์ ลีก ด้วยการชนะ 3 เกมรวดโดยไม่เสียประตู ตกมาอยู่อันดับที่ 9 ของตาราง ส่วน ยูเวนตุส ที่ยังไม่แพ้ใครในลีกอิตาลีฤดูกาลนี้ อยู่อันดับที่ 19 ในตารางที่มี 36 ทีม โดยทีมอันดับ 1-8 จะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ส่วนทีมอันดับ 9-24 จะต้องไปเล่นรอบเพลย์ออฟ  อูไน เอเมรี่ (Unai Emery) กุนซือของ วิลล่า กล่าวหลังเกมว่า “เราน่าจะเป็นฝ่ายชนะมากกว่า ยูเวนตุส เป็นทีมที่เอาชนะได้ยากมาก แต่เรามีแผนการเล่นที่ชัดเจน แม้ว่าจะไม่มีโอกาสชัดๆ มากนักทั้งสองทีมก็ตาม”  ชัยชนะในเกมนี้จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับทีมของ เอเมรี่ อย่างมาก เนื่องจากพวกเขาไม่ชนะใครมาตั้งแต่เอาชนะ โบโลญญ่า (Bologna) 2-0 ในศึก แชมเปียนส์ ลีก เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม และตกมาอยู่อันดับ 8 ในตาราง พรีเมียร์ลีก (Premier League) โดยชนะเพียงนัดเดียวจาก 5 เกมหลังสุด

 

คาร์โล อันเชล็อตติ

อันเช่ สุดเซ็ง เกมรับ ราชันชุดขาว เปื่อยยุ่ง ราวกระดาษทิชชู่เปียกน้ำ ย้ำต้องรีบปรับโดยด่วยมิเช่นนั้นมีโอกาสที่จะร่วงจากรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้เช่นกัน

คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) สุดเซ็ง หลังลูกทีมของเขา รีล มาดริด (Real Madrid) ยังออกอาการเป๋ไม่เลิก โดยเกมล่าสุดในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ดันเปิดบ้าน ซานติเอโก้ เบอร์นาบิว พ่ายแพ้ให้กับ เอซี มิลาน (A.C. Milan) ไป 3-1 เรียกได้ว่าอาจจะเป็นพิษจาก ศึก เอลกราซิโก้ ที่แพ้คาบ้านต่อ บาร์เซโลน่า (Barcelona) ไป 4-0 จนถึงตอนนี้ก็ยังหาฟอร์มเก่งไม่เจอ แนวรุกฝืดจัด แถมแนวรับก็เปื่อยยุ่ยเกินกว่าจะบรรยาย ราวกับ กระดาษทิชชู่ ที่เปียกน้ำรอวันฉีกขาด และหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป หากยังปรับแก้เรื่องของเกมรับไม่ได้ก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รายการที่พวกเขาครอบครอง ความยิ่งใหญ่ มาอย่างยาวนาน คว้าแชมป์มากมายไปถึง 15 สมัย สถานการณ์ล่าสุดเวลานี้ ลูกทีมของ อันเช่ นั้นพ่ายแพ้ไปแล้วถึง 2 นัด จาก 4 เกม เก็บได้แค่ 6 คะแนน อยู่อันดับ 17 ของตารางคะแนนเวลานี้ แถมนัดหน้า พวกเขาต้องบุกไปเยือน ทีมจ่าฝูงของรายการนี้อย่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล (Liverpool) อีกด้วย ซึ่งจะแข่งขันกันในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้

 

เกิดอะไรขึ้นกับฟอร์มของแนวรุก ราชันชุดขาว จู๊ด เบลลิ่งแฮม,เอ็มบัปเป้ และ วินิซิอุส แนวรุกที่น่าจะโหด แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด

 

ก่อนฤดูกาลจะเริ่มขึ้น เชื่อได้เลยว่า หากมองที่รายชื่อตัวผู้เล่นกับความแข็งแกร่งเดิมที่ทาง รีล มาดริด (Real Madrid) นั้นมีอยู่แล้ว การได้มาซึ่งตัวของ ดาวเตะมหาประลัย กองหน้าระดับโลกที่ใครๆ ต่างกล่าวขวัญถึงอย่าง คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) หากมองดูตามหน้ากระดาษ ชื่อชั้นของนักเตะ ดูๆ แล้ว แทบจะไม่เห็นทางใดเลยที่สถานการณ์ของ รีล มาดริด (Real Madrid)  จะต้องมาดูลำบากยากเย็นขนาดนี้ ในถ้วยรายการนี้ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถ้วยที่พวกเขานั้นแทบจะจับจองครองมหาอำนาจมาโดยตลอด แต่การพ่ายแพ้ คาบ้าน ต่อ เอซี มิลาน (A.C. Milan) ถึง 3-1 มันก็สะท้อนอะไรหลายๆ อย่าง การพ่ายแพ้แบบคาบ้านสองครั้งติดๆ กัน นับจากในเกมลาลีกา สเปน ที่พ่ายแพ้ต่อ อริตลอดกาล อย่าง บาร์เซโลน่า (Barcelona) ที่สำคัญ เกมนี้ รีล มาดริด (Real Madrid) แม้จะยิงได้ 1 ลูก แต่ก็เป็นการยิงได้จาก จุดโทษ ของ วินิซิอุส จูเนียร์ (Vinícius Júnior) ทั้งที่ การออกสตาร์ท เกมนี้ รายชื่อเกมรุกที่ เราได้เห็น มันไม่ควรจะมีสกอร์แค่นี้ จู๊ด เบลลิ่งแฮม (Jude Bellingham)  ,คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé)  และ วินิซิอุส จูเนียร์ (Vinícius Júnior) นี่คือไลน์อัพ เกมรุกที่น่าจะทะลวงไสได้มากที่สุด แต่ต้องยอมรับเลยว่า ในฤดูกาลนี้ วิธีแทงบอลออนไลน์ ฟอร์มการเล่นของ จู๊ด เบลลิ่งแฮม (Jude Bellingham) นั้นตกวูบไปแบบน่าใจหาย ประกอบกับฟอร์มการยิงประตูของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ก็กลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ นั่นทำให้ในเวลานี้ รีล มาดริด (Real Madrid) ต้องตกอยู่สถานการณ์ที่ยากลำบาก ส่วนสำคัญอีกส่วนคือ เกมรับที่มันย่ำแย่ ซะเหลือเกิน นับตั้งแต่พวกเขาขาดแบ็คขวาตัวเก่งอย่าง ดานี่ คาร์บาฆาล (Dani Carvajal) ไปเกมรับของทีมก็อ่อนยวบลงไปแบบน่าใจหาย วิธีแทงบอลออนไลน์ ด้วยสถานการณ์แบบนี้กับการที่จะต้องไปเจอกับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ที่แอนฟิลด์ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดต่อไป ดูแล้วน่าหนักใจแทน แฟนๆ ราชันชุดยิ่งนัก

 

ชนะแล้วพูดอะไรก็ดีไปหมด ฟอนเซก้า โว มิลาน นั้นเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ดูเล่นง่ายกว่าบอลลีก กัลโช่ ซีรีย์อา

 

เปาโล ฟอนเซก้า กุนซือของทัพ ปิศาจแดงดำ เอซี มิลาน (A.C. Milan) หลังจากพาทีมบุกเอาชนะ ราชันชุดขาว รีล มาดริด (Real Madrid) ได้ถึงถิ่น ซานติเอโก้ เบอร์นาบิว เจ้าตัวก็ได้ทีคุยโว พร้อมชมว่า ลูกทีมของเขานันเล่นด้วยความกล้าทำให้ทีมบุกเอาชนะไปได้ 3-1 นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า สไตล์การเล่นของ เอซี มิลาน  (A.C. Milan) ตอนนี้ เหมาะกับฟุตบอลถ้วย อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มากกว่าฟุตบอล ลีก อย่างศึก กัลโช่ ซีรีย์ อาเสียอีก ในกมนี้ เอซี มิลาน  (A.C. Milan) นำก่อนจาก มาลิค เธียว (Malick Thiaw) แต่ก็มาโดนตามตีเสมอ ได้จาก วินิซิอุส จูเนียร์ (Vinícius Júnior) จากจุดโทษ ก่อนที่ ทีมดังแดนมักกะโรนี จะมาไล่ยิงอีก 2 ลูกได้จาก อัลบาโร โมราต้า (Alvaro Morata) และ ไทจ์ยานี่ ไรจ์เดอร์ส (Tijjani Reijnders) ทำให้ทีม เอซี มิลาน (A.C. Milan) บุกไปเอาชนะได้ 3-1 สถานการณ์ล่าสุดในรายการนี้ อยู่อันดับที่ 18 ติดๆ กับ รีล มาดริด (Real Madrid) ซึ่งก็ยังอยู่เส้นทางการลุ้นเข้ารอบต่อไป สวนทางกับสถานการณ์ภายในลีกที่อยู่ถึงอันดับที่ 7 ของตารางคะแนน กัลโช่ ซีรีย์ อา เลยทีเดียว