รัสเซล มาร์ติน

“วิกฤตการณ์ที่ เซนต์ แมรี่ส: การสิ้นสุดยุค รัสเซล มาร์ติน (Russell Martin) และอนาคตที่ไม่แน่นอนของ เซาแธมป์ตัน”

ความปั่นป่วนได้เกิดขึ้นอีกครั้งที่ เซนต์ แมรี่ส สเตเดียม เมื่อ เซาแธมป์ตัน (Southampton) ตัดสินใจปลด รัสเซล มาร์ติน (Russell Martin) พ้นจากตำแหน่งผู้จัดการทีม หลังจากพ่าย ทอตแนม ฮอตสเปอร์ (Tottenham Hotspur) อย่างยับเยิน 5-0 ในศึกพรีเมียร์ลีก (Premier League) ส่งผลให้ทีมจมอยู่ในอันดับสุดท้ายของตาราง ห่างจากโซนปลอดภัย 9 คะแนน จากความสำเร็จสู่ความล้มเหลว เมื่อย้อนกลับไปเพียงแค่ 7 เดือนก่อน มาร์ติน คือวีรบุรุษของชาว เซาแธมป์ตัน หลังพาทีมเลื่อนชั้นกลับสู่พรีเมียร์ลีก ด้วยชัยชนะเหนือ ลีดส์ ยูไนเต็ด (Leeds United) ในนัดชิงชนะเลิศเพลย์ออฟที่สนาม เวมบลีย์ (Wembley) แต่ฤดูกาล 2024/25 กลับกลายเป็นฝันร้ายสำหรับกุนซือวัย 38 ปีผู้นี้ ตลอด 16 เกมในพรีเมียร์ลีก เซาแธมป์ตัน ชนะเพียงนัดเดียวเท่านั้น เมื่อเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน (Everton) ในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่แพ้ไปถึง 13 นัด ที่น่าวิตกไปกว่านั้นคือประสิทธิภาพในการทำประตู โดยทีมยิงได้เพียง 11 ประตู น้อยที่สุดในลีก

 

ไซมอน รัสค์ (Simon Rusk) ผู้จัดการทีมชุดอายุไม่เกิน 21 ปี ได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมชั่วคราว

 

 โดยเกมแรกของเขาจะเป็นการพบกับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก ในศึก คาราบาว คัพ (Carabao Cup) รอบก่อนรองชนะเลิศ แม้ว่า เซาแธมป์ตัน จะลงทุนซื้อนักเตะใหม่ถึง 9 คนในช่วงซัมเมอร์ แต่ดูเหมือนว่าการเสริมทัพครั้งนี้จะไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร นักเตะใหม่หลายรายยังปรับตัวไม่ได้กับความเร็วและความเข้มข้นของพรีเมียร์ลีก ความผิดหวังของแฟนบอล เซาแธมป์ตัน  www sbobet แสดงออกอย่างชัดเจนในเกมกับ สเปอร์ส โดยเสียงโห่และการแสดงความไม่พอใจถูกส่งไปยังทั้ง มาร์ติน และเจ้าของสโมสร สปอร์ต รีพับลิค (Sport Republic)

 

ประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก บ่งชี้ว่าไม่เคยมีทีมใดที่มีแค่ 5 คะแนนหรือน้อยกว่าในช่วงเวลานี้ของฤดูกาลแล้วรอดพ้นจากการตกชั้น 

 

นี่คือความท้าทายอันใหญ่หลวงที่ เซาแธมป์ตัน ต้องเผชิญ ผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลหลายรายมองว่าปัญหาของ เซาแธมป์ตัน ไม่ได้อยู่ที่ผู้จัดการทีมเพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ทั้งในแง่ของการวางแผนระยะยาว การพัฒนาเยาวชน และการเสริมทัพ สโมสรจำเป็นต้องดำเนินการหลายอย่างเพื่อพลิกสถานการณ์:

 

1.หาผู้จัดการทีมที่มีประสบการณ์ในการกู้ทีมจากการตกชั้น

2.เสริมความแข็งแกร่งในตลาดซื้อขายเดือนมกราคม

3.ปรับปรุงระบบการเล่นให้แข็งแกร่งขึ้นโดยเฉพาะในแนวรับ

4.สร้างความมั่นใจให้กับนักเตะในทีม

การปลด รัสเซล มาร์ติน อาจเป็นการตัดสินใจที่จำเป็น แต่ เซาแธมป์ตัน www sbobet ยังมีงานหนักรออยู่ข้างหน้า การรักษาสถานะในพรีเมียร์ลีก จะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนของสโมสร ตั้งแต่ระดับบอร์ดบริหารไปจนถึงแฟนบอล  คำกล่าวสุดท้ายของ มาร์ติน  “นี่เป็นงานที่อันตรายมาก” มาร์ติน กล่าวหลังเกมสุดท้ายของเขา “ผมไม่สามารถนั่งอยู่ที่นี่หลังแพ้ 5-0 อยู่อันดับสุดท้ายของตาราง แล้วแสร้งทำเป็นว่ามั่นใจในตำแหน่งงานของตัวเอง ผมไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทำงานและต่อสู้ต่อไป นั่นคือสิ่งที่ผมทำมาตลอดในงานนี้ และผมจะทำต่อไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง”

 

เอมี่ มาร์ติเนซ

เอมี่ (Emi Martinez) โชว์เซฟสุดยอด ในเกมที่ แอสตัน วิลล่า (Aston Villa) เสมอกับ ยูเวนตุส (Juventus) ที่ขาดตัวหลักหลายราย

แอสตัน วิลล่า (Aston Villa) ต้องยอมรับผลเสมอ 0-0 กับ ยูเวนตุส (Juventus) ในศึก แชมเปียนส์ ลีก (Champions League) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังจากที่ประตูในช่วงท้ายเกมของ มอร์แกน โรเจอร์ส (Morgan Rogers) ถูกยกเลิกเนื่องจากฟาวล์ผู้รักษาประตู มิเคเล่ ดิ เกรโกริโอ (Michele Di Gregorio) ของ ยูเวนตุส ทีมเจ้าบ้านคิดว่าพวกเขาจะได้ชัยชนะในนาทีสุดท้าย เพื่อยุติสถิติไม่ชนะ 6 เกมติดต่อกัน เมื่อ ดิ เกรโกริโอ (Di Gregorio) รับลูกฟรีคิกพลาด แต่ ดิเอโก้ คาร์ลอส (Diego Carlos) ทำฟาวล์ผู้รักษาประตูของ ยูเวนตุส ในจังหวะที่ โรเจอร์ส (Rogers) ยิงบอลเข้าประตู ทำให้แฟนบอล วิลล่า โห่ไล่หลังจบเกม อูไน เอเมรี่ (Unai Emery) กุนซือของ วิลล่า กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “มันเป็นการตัดสินของผู้ตัดสิน เป็นเพียงการตีความของเขา สำหรับผมแล้ว การตัดสินครั้งนี้รุนแรงเกินไป ในอังกฤษ ปกติแล้วจังหวะแบบนี้ไม่ถือว่าเป็นฟาวล์เพราะมีการปะทะกันเบามาก ตารางบอล แต่ในยุโรป อาจจะถือว่าเป็นฟาวล์ได้” เกมนี้ไม่ได้สนุกมากนัก โดย ยูเวนตุส ดูจะพอใจกับการครองบอล ทั้งสองทีมพลาดโอกาสทำประตูหลายครั้ง โดยโอกาสที่ดีที่สุดของ วิลล่า มาจาก ลูคัส ดีญ (Lucas Digne) ที่ยิงฟรีคิกชนคานในช่วงวินาทีสุดท้ายของครึ่งแรก  

 

เอมี่ โชว์ซูเปอร์เซฟสุดสำคัญ ช่วย แอสตัน วิลล่า เจ๊า ยูเว่ ในศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก

 

เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ (Emiliano Martinez) ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของ แอสตัน วิลล่า (Aston Villa) โชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมในเกมที่ทีมของเขาเสมอกับ ยูเวนตุส (Juventus) 0-0 ในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก (UEFA Champions League) เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ท่ามกลางความผิดหวังของแฟนบอลเจ้าถิ่นที่เห็นประตูชัยในนาทีสุดท้ายถูกยกเลิก นายด่านชาวอาร์เจนไตน่าเริ่มต้นคืนพิเศษด้วยการเดินลงสนามพร้อมกับลูกๆ และถ้วยรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของโลกสองปีติดต่อกัน ก่อนที่เขาจะพิสูจน์ให้เห็นว่าทำไมถึงได้รับรางวัลดังกล่าวด้วยการเซฟสุดยอดในช่วงครึ่งหลัง ตารางบอล เมื่อเขาปัดหัวของ ฟรานซิสโก้ คอนเซเซา (Francisco Conceição) ที่ดูเหมือนจะเป็นประตูแน่ๆ ออกไปได้อย่างเหลือเชื่อ ในช่วงท้ายเกม แอสตัน วิลล่า เกือบจะได้ประตูชัยเมื่อ มอร์แกน โรเจอร์ส (Morgan Rogers) ยิงบอลเข้าประตู แต่ผู้ตัดสินกลับเป่าฟาวล์ให้กับ มิเคเล่ ดิ เกรโกริโอ (Michele Di Gregorio) ผู้รักษาประตูของ ยูเวนตุส หลังจากที่ ดิเอโก้ คาร์ลอส (Diego Carlos) ทำฟาวล์ในจังหวะก่อนหน้า

 

จากเกมนี้ แสดงให้เห็นแล้วว่า แอสตัน วิลล่า กำลังจะยกระดับขึ้น ทาบบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ ในยุโรปได้ในอนาคตอันใกล้นี้

 

เกมนี้ไม่ได้สนุกสนานมากนัก โดย ยูเวนตุส ที่มีผู้เล่นให้ใช้งานเพียง 14 คนในวันนี้ เลือกที่จะเล่นเกมรับและครองบอลเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่ วิลล่า พยายามสร้างโอกาสทำประตูแต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ โดยโอกาสที่ดีที่สุดมาจากลูกฟรีคิกของ ลูคัส ดีญ (Lucas Digne) ที่ชนคานในช่วงท้ายครึ่งแรก จอห์น แมคกินน์ (John McGinn) กัปตันทีม วิลล่า ก็มีโอกาสทำประตูในนาทีที่ 70 หลังได้รับบอลจาก เลออน เบลีย์ (Leon Bailey) แต่ก็ถูก มานูเอล โลคาเตลลี่ (Manuel Locatelli) บล็อกไว้ได้ สถานการณ์ในตาราง

หลังจากเกมนี้ แอสตัน วิลล่า ที่เคยเริ่มต้น แชมเปียนส์ ลีก ด้วยการชนะ 3 เกมรวดโดยไม่เสียประตู ตกมาอยู่อันดับที่ 9 ของตาราง ส่วน ยูเวนตุส ที่ยังไม่แพ้ใครในลีกอิตาลีฤดูกาลนี้ อยู่อันดับที่ 19 ในตารางที่มี 36 ทีม โดยทีมอันดับ 1-8 จะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ส่วนทีมอันดับ 9-24 จะต้องไปเล่นรอบเพลย์ออฟ  อูไน เอเมรี่ (Unai Emery) กุนซือของ วิลล่า กล่าวหลังเกมว่า “เราน่าจะเป็นฝ่ายชนะมากกว่า ยูเวนตุส เป็นทีมที่เอาชนะได้ยากมาก แต่เรามีแผนการเล่นที่ชัดเจน แม้ว่าจะไม่มีโอกาสชัดๆ มากนักทั้งสองทีมก็ตาม”  ชัยชนะในเกมนี้จะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับทีมของ เอเมรี่ อย่างมาก เนื่องจากพวกเขาไม่ชนะใครมาตั้งแต่เอาชนะ โบโลญญ่า (Bologna) 2-0 ในศึก แชมเปียนส์ ลีก เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม และตกมาอยู่อันดับ 8 ในตาราง พรีเมียร์ลีก (Premier League) โดยชนะเพียงนัดเดียวจาก 5 เกมหลังสุด

 

ซัลลิแวน, อายุ 14 ปี

ซัลลิแวน อายุ 14 ปี กลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ MLS

คาวาน ซัลลิแวน (Cavan Sullivan) มิดฟิลด์วัย 14 ปีของทีมฟิลาเดลเฟีย ยูเนี่ยน (Philadelphia Union) ได้กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ (Major League Soccer – MLS) โดยซัลลิแวนเป็นตัวสำรองในนาทีที่ 85 ในเกมที่ทีมชนะทีมนิวอิงแลนด์ เรฟโวลูชัน (New England Revolution) ด้วยสกอร์ 5-1 ที่สนามซูบารุพาร์ค (Subaru Park) ในรัฐเพนซิลวาเนีย

 

ซัลลิแวน ซึ่งคาดว่าจะย้ายไปยังทีมแมนเชสเตอร์ซิตี้ (Manchester City) เมื่ออายุ 18 ปี กลายเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในเมเจอร์ลีกซอกเกอร์เมื่อเขาอายุ 14 ปี 293 วัน ซึ่งเขาทำลายสถิติเดิมที่เมื่อตอนเฟรดดี้ อาดู (Freddy Adu) อายุ 14 ปี 306 วัน เมื่อเขาเล่นให้กับทีมดีซี ยูไนเต็ด (DC United) ในปี 2004 นอกจากนี้เขายังเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดในอเมริกาเหนือที่ได้ลงเล่นในลีกสูงสุดของกีฬาประเภททีม

 

ซัลลิแวนเซ็นสัญญากับทีมฟิลาเดลเฟีย ยูเนี่ยนในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดในประติศาสตร์ของการเป็นนักเตะที่สร้างขึ้นจากทีมท้องถิ่นใน MLS “การร่วมมือระหว่างฟิลาเดลเฟีย ยูเนี่ยนและกลุ่มซิตี้ (City Group) เป็นเหตุผลหลักสำหรับผม ผมมักจะดูแมนเชสเตอร์ซิตี้เสมอ พวกเขาเป็นทีมในฝันของเด็กทุกคน” ซัลลิแวนกล่าวกับ ESPN, External “สำหรับฟิลาเดลเฟียและแมนเชสเตอร์ซิตี้ที่รวมตัวกันและเห็นพ้องในอะไรบางอย่าง ผมได้นั่งคุยกับครอบครัวและตัวแทนของผม และเราตัดสินใจว่านคือแผนที่ดีที่สุด”

 

เฟรดดี้ อาดู ได้แสดงปฏิกิริยาเกี่ยวกับการที่สถิติของเขาถูกทำลายผ่านสื่อสังคมออนไลน์ “ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่งกับคาวาน ซัลลิแวนสำหรับการเปิดตัวครั้งแรกที่ทำลายสถิติในวันนี้ นี่เป็นสถิติที่ยากที่จะทำลายและเด็กหนุ่มคนนั้นก็ทำได้ ดีมากและโชคดีนะเพื่อน”

 

ก่อนการเริ่มต้นของซัลลิแวน ผู้จัดการทีมยูเนี่ยน จิม เคอร์ติน (Jim Curtin) ได้กล่าวกับเว็บไซด์ทางการของ MLS ว่า “ท้องฟ้าเป็นขีดจำกัด เขาเป็นความสามารถระดับยิ่งใหญ่ หนึ่งในผู้ที่สามารถเปลี่ยนแปลงเกมได้ด้วยตัวเอง”

 

ควินน์ ซัลลิแวน (Quinn Sullivan), พี่ชายของคาวาน วัย 20 ปี ก็เล่นให้กับทีมยูเนี่ยนเช่นกัน นักเตะชายที่อายุน้อยที่สุดที่ได้ลงเล่นในลีกสูงสุดของอังกฤษคืออีธาน เอ็นวาเนรี (Ethan Nwaneri) ซึ่งได้เปิดตัวกับทีมอาร์เซนอล (Arsenal) เมื่ออายุได้ 15 ปี 181 วันในปี 2022

 

ซัลลิแวนถือเป็นตัวแทนของความหวังและความสามารถที่เกิดใหม่ในวงการฟุตบอล ความร่วมมือระหว่างฟิลาเดลเฟีย ยูเนี่ยนและแมนเชสเตอร์ซิตี้แสดงให้เห็นถึงการวางแผนพัฒนานักเตะรุ่นเยาว์ให้กลายเป็นนักเตะระดับโลก ซึ่งเห็นได้ชัดว่า สโบบอลสเต็ป ได้ให้ความสำคัญกับการติดตามและสนับสนุนการพัฒนาของนักเตะรุ่นใหม่ที่มีอนาคต

 

การลงสนามครั้งแรกของซัลลิแวนเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเติบโตและความสามารถที่ไม่จำกัดของนักเตะรุ่นเยาว์ และเป็นการย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนและการพัฒนานักกีฬาในทุกระดับเพื่อความก้าวหน้าในวงการฟุตบอล ไม่ว่าจะเป็นสโมสรหรือระบบลีกสูงสุด การผสมผสานของ สโบบอลสเต็ป ในบริบทนี้ยิ่งเป็นการเน้นย้ำถึงการต่อสู้เพื่อฝันและเป้าหมายของนักเตะรุ่นใหม่

 

ผีพร้อมปล่อย 2 แข้งดังหากได้ข้อเสนอมหาศาล

ผีพร้อมปล่อย 2 แข้งดังหากได้ข้อเสนอมหาศาล

ฟาบริซิโอ โรมาโน่ นักข่าววงในที่มีชื่อเสียงในวงการได้กล่าวผ่านเว็ปไซด์ชื่อดังอย่าง แทงบอลสโบเบต ่ว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรชื่อดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กำลังพิจารณาปล่อยตัวสองนักเตะดาวเด่นของทีม มาร์คัส แรชฟอร์ด และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส หากได้รับข้อเสนอที่มีมูลค่ามหาศาล รายงานนี้มาจาก 

สถานการณ์ปัจจุบัน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเตรียมตัวสำหรับตลาดซื้อขายนักเตะช่วงซัมเมอร์ และพิจารณาถึงโอกาสในการปรับปรุงทีมโดยการปล่อยตัวนักเตะสำคัญ หากมีข้อเสนอที่น่าสนใจเข้ามา แม้ว่า แรชฟอร์ด และ แฟร์นันด์ส จะเป็นนักเตะที่มีบทบาทสำคัญในทีม แต่บอร์ดบริหารของ “ปีศาจแดง” ก็พร้อมที่จะรับฟังข้อเสนอจากสโมสรอื่น ๆ ที่มีความจริงจังและยื่นข้อเสนอในระดับที่ไม่สามารถปฏิเสธได้

มาร์คัส แรชฟอร์ด (Marcus Rashford)

แรชฟอร์ด ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเตะที่แฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คาดหวังสูงสุด แต่ในฤดูกาลที่ผ่านมาเขากลับทำผลงานได้น่าผิดหวัง ฟอร์มการเล่นของเขาไม่สามารถเรียกคืนมาตรฐานเดิมได้ ซึ่งส่งผลให้มีข่าวลือเกี่ยวกับการย้ายทีมมากขึ้น การปล่อยตัวแรชฟอร์ดอาจเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทั้งนักเตะและสโมสรในการเริ่มต้นใหม่

บรูโน่ แฟร์นันด์ส (Bruno Fernandes)

ในทางกลับกัน แฟร์นันด์ส ยังคงเป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้ดีภายใต้การคุมทีมของ เอริค เทน ฮาก ผู้จัดการทีมชาวดัตช์ เขามีบทบาทสำคัญในการนำทีมคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาครองได้ การปล่อยตัวแฟร์นันด์สจะเป็นการตัดสินใจที่สำคัญและยากลำบาก แต่ถ้าหากได้รับข้อเสนอที่สูงพอ อาจเป็นการเปิดโอกาสให้สโมสรมีงบประมาณในการซื้อนักเตะใหม่เข้ามาเสริมทัพ

ความเห็นของ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ (Fabrizio Romano)

ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ได้ระบุว่า บอร์ดบริหารของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้ปิดโอกาสในการปล่อยตัวนักเตะทั้งสองคนนี้ หากมีสโมสรที่พร้อมจะยื่นข้อเสนอที่มีมูลค่ามหาศาลเข้ามา แม้ว่านักเตะทั้งสองคนจะต้องการอยู่สร้างความยิ่งใหญ่ร่วมกับทีมต่อไปก็ตาม การตัดสินใจครั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย รวมถึงความต้องการของนักเตะเองด้วย

ผลกระทบต่อทีม

หากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตัดสินใจปล่อยตัวนักเตะสำคัญทั้งสองคนนี้ อาจมีผลกระทบต่อทีมในหลายด้าน การสูญเสียแรชฟอร์ดและแฟร์นันด์สจะทำให้ทีมต้องหาตัวแทนที่มีความสามารถเทียบเท่าหรือดีกว่า เพื่อคงความสามารถในการแข่งขันในลีกและรายการอื่น ๆ การซื้อขายนักเตะใหม่อาจเป็นทางออกที่ดีในการเสริมทัพ แต่ก็ต้องระมัดระวังในการเลือกนักเตะที่จะเข้ามาแทนที่

อนาคตของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (Manchester United)

การพิจารณาปล่อยตัวแรชฟอร์ดและแฟร์นันด์สแสดงให้เห็นถึงทิศทางการบริหารทีมที่มุ่งเน้นการปรับปรุงและพัฒนาทีมอย่างต่อเนื่อง การทำธุรกิจในตลาดนักเตะเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างทีมที่แข็งแกร่งและมีความสามารถในการแข่งขัน การตัดสินใจครั้งนี้จะเป็นการกำหนดทิศทางของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในอนาคตว่าจะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นทีมที่มีความแข็งแกร่งและมีความสำเร็จมากยิ่งขึ้นได้หรือไม่

ในที่สุด การตัดสินใจว่าจะปล่อยตัว มาร์คัส แรชฟอร์ด และ บรูโน่ แฟร์นันด์ส หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับข้อเสนอที่เข้ามาและการวางแผนระยะยาวของสโมสร การทำธุรกิจในตลาดนักเตะอย่างชาญฉลาดจะเป็นกุญแจสำคัญในการนำแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สู่ความสำเร็จในอนาคต เว็ป แทงบอลสโบเบต รายงาน