จู๊ด เบลลิงแฮม

“เรอัล มาดริด ต้องการปาฏิหาริย์” จู๊ด เบลลิงแฮมเชื่อ สามารถพลิกเกมกลับมาได้ที่ เบร์นาเบว

“สนามเหย้าของเราเป็นสถานที่ที่เรื่องบ้าๆ มักเกิดขึ้นได้เสมอ” นี่คือคำเตือนจาก จูด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) ถึงนักเตะ อาร์เซนอล (Arsenal) หลังจากที่ เรอัล มาดริด (Real Madrid) ของเขาพ่ายแพ้ไป 3-0 ในเกมเลกแรกของรอบก่อนรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก (Champions League) ทั้งสองทีมจะพบกันในเกมเลกที่สองในวันพุธที่ 16 เมษายน ที่สนาม ซานติอาโก เบร์นาเบว (Santiago Bernabeu) ของ เรอัล มาดริด การพ่ายแพ้ของ มาดริด ในวันอังคารที่ผ่านมาถือเป็นความพ่ายแพ้ที่หนักที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรอบน็อคเอาท์ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก และหลังจบเกม เบลลิงแฮม กล่าวว่าทีมของเขา “ห่างไกลจากฟอร์มที่ควรจะเป็น” เรอัล มาดริด แพ้ไปแล้ว 5 เกมในการแข่งขันรายการนี้ฤดูกาลนี้ ซึ่งเท่ากับสถิติของสโมสรที่เคยทำไว้ และชัยชนะของ อาร์เซนอล เป็นครั้งที่ 12 ที่ทีมจาก อังกฤษ ชนะด้วยผลต่างสามประตูหรือมากกว่าในเกมเลกแรกของรอบน็อคเอาท์ แชมเปี้ยนส์ ลีก  pic5678 และทุกครั้งทีมจาก อังกฤษ ก็ผ่านเข้ารอบต่อไปได้เสมอ อย่างไรก็ตาม กองกลางทีมชาติ อังกฤษ เชื่อว่า เรอัล ยังคง “มีลุ้น” ใน แชมเปี้ยนส์ ลีก – รายการแข่งขันที่พวกเขามีประวัติการพลิกเกมแบบสุดดราม่ามาแล้ว ฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาเกือบจะตกรอบในเกมกับ บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) ก่อนที่จะพลิกสถานการณ์ด้วยสองประตูในช่วงท้ายเกมที่ เบร์นาเบว สามฤดูกาลก่อนหน้านี้ พวกเขาต้องการประตูในช่วงเวลาสุดท้ายในบ้านเพื่อเอาชนะ เชลซี (Chelsea) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) เพื่อรักษาโอกาสในการเข้ารอบ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในทั้งสองฤดูกาลนั้น ทีมของ คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) ก็สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้สำเร็จ “เราต้องการอะไรที่พิเศษมากๆ จริงๆ แล้วต้องการอะไรที่บ้าคลั่ง” เบลลิงแฮม บอกกับ Amazon Prime “เรามีเวลา 90 นาทีของฟุตบอล และอะไรก็เกิดขึ้นได้ที่ เบร์นาเบว”

 

ความหวังพลิกนรกจากความพ่ายแพ้ในนัดแรกของ  เรอัล มาดริด และประวัติศาสตร์แห่งปาฏิหาริย์

 

“สนามเหย้าของเราเป็นสถานที่ที่เรื่องบ้าๆ มักเกิดขึ้นได้เสมอ” คำพูดอันมีชื่อเสียงของ จู๊ด เบลลิงแฮม (Jude Bellingham) กลายเป็นความหวังของแฟนบอล เรอัล มาดริด (Real Madrid) ทั่วโลกหลังจากทีมของพวกเขาพ่ายแพ้อย่างหนักถึง 3-0 ต่อ อาร์เซนอล (Arsenal) ในรอบก่อนรองชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ ลีก (Champions League) เลกแรก ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในผลการแข่งขันที่เลวร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ของ เรอัล มาดริด ในรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเป็นการพ่ายแพ้ที่มีผลต่างมากที่สุดเท่าที่พวกเขาเคยประสบในรอบน็อคเอาท์ของรายการนี้ ซึ่งนับเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนักสำหรับยอดทีมจาก สเปน คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) กุนซือผู้มากประสบการณ์ของ เรอัล มาดริด ต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในการเตรียมทีมสำหรับเกมเลกที่สอง ที่จะจัดขึ้นในวันพุธที่ 16 เมษายน ที่สนาม ซานติอาโก เบร์นาเบว (Santiago Bernabeu) อันเป็นรังเหย้าของพวกเขา สถิติไม่ได้เข้าข้าง เรอัล มาดริด เลยแม้แต่น้อย เมื่อพิจารณาว่าทีมจาก อังกฤษ ที่ชนะในเกมเลกแรกด้วยผลต่างสามประตูหรือมากกว่าในรอบน็อคเอาท์ของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ทั้ง 12 ครั้งที่ผ่านมา ล้วนผ่านเข้ารอบต่อไปได้ทั้งหมด นอกจากนี้ เรอัล มาดริด ยังเสียไปแล้วถึง 5 เกมในฤดูกาลนี้ในรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก ซึ่งเท่ากับสถิติที่แย่ที่สุดของสโมสร แต่ถ้ามีทีมที่เราไม่ควรด่วนตัดสินว่าหมดโอกาส นั่นก็คือ เรอัล มาดริด โดยเฉพาะเมื่อพวกเขาเล่นที่ เบร์นาเบว ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้แทบทุกครั้งที่ต้องการ ย้อนกลับไปในฤดูกาลที่แล้ว เรอัล มาดริด เกือบจะตกรอบในเกมรอบรองชนะเลิศกับ บาเยิร์น มิวนิค (Bayern Munich) ก่อนที่จะสร้างการพลิกกลับด้วยสองประตูในช่วงท้ายเกมที่บ้านของพวกเขา ทำให้ทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ไม่เพียงเท่านั้น pic5678 สามฤดูกาลก่อนหน้านี้ พวกเขายังต้องพึ่งพาประตูในช่วงเวลาสุดท้ายในบ้านเพื่อเอาชนะทั้ง เชลซี (Chelsea) และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (Manchester City) เพื่อรักษาโอกาสในการเข้ารอบต่อไปใน แชมเปี้ยนส์ ลีก และในทั้งสองฤดูกาลนั้น ทีมของ อันเชล็อตติ ก็สามารถคว้าแชมป์รายการนี้ได้ในที่สุด “เราต้องการอะไรที่พิเศษมากๆ จริงๆ แล้วต้องการอะไรที่บ้าคลั่ง” เบลลิงแฮม กล่าวกับ Amazon Prime หลังจบเกมเลกแรก “เรามีเวลา 90 นาทีของฟุตบอล และอะไรก็เกิดขึ้นได้ที่ เบร์นาเบว” ถ้อยคำเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงจิตวิญญาณอันแท้จริงของ เรอัล มาดริด ทีมที่ไม่เคยยอมแพ้จนกว่านกหวีดสุดท้ายจะดังขึ้น ความเชื่อมั่นของ เบลลิงแฮม ไม่ได้มาจากความหยิ่งผยอง แต่มาจากความเข้าใจในประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของสโมสรที่เขาสังกัดอยู่

การเผชิญหน้ากับ อาร์เซนอล ในเกมเลกที่สองจะเป็นบททดสอบครั้งสำคัญสำหรับ เรอัล มาดริด และความสามารถในการฟื้นตัวของพวกเขา ทีมปืนใหญ่ภายใต้การนำของ มิเกล อาร์เตต้า (Mikel Arteta) กำลังอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยม และพวกเขาไม่มีทางปล่อยให้โอกาสในการเข้ารอบรองชนะเลิศหลุดมือไปอย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตาม เรอัล มาดริด มีประสบการณ์มากมายในสถานการณ์เช่นนี้ และพวกเขารู้ดีว่าต้องทำอย่างไรเพื่อกดดันคู่แข่งในบ้านของตัวเอง การสนับสนุนจากแฟนบอลที่ เบร์นาเบว จะเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจช่วยยกระดับการเล่นของนักเตะ เรอัล มาดริด ให้สูงขึ้นอีกขั้น

 

เมื่อพูดถึง แชมเปี้ยนส์ ลีก ไม่มีทีมใดประสบความสำเร็จมากกว่า เรอัล มาดริด ด้วยจำนวนแชมป์มากที่สุดในประวัติศาสตร์รายการนี้ 

 

รากฐานความสำเร็จของพวกเขาไม่ได้มาจากแค่ความสามารถของนักเตะ แต่ยังรวมถึงเจตจำนงอันแน่วแน่และความเชื่อมั่นว่าพวกเขาสามารถเอาชนะอุปสรรคใดๆ ได้ แม้ว่าเส้นทางสู่รอบต่อไปจะดูยากลำบาก แต่ประวัติศาสตร์ได้สอนเราแล้วว่า เรอัล มาดริด ไม่เคยยอมแพ้ง่ายๆ และเมื่อพูดถึงการพลิกสถานการณ์ในรายการ แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาคือผู้เชี่ยวชาญตัวจริง บรรยากาศที่ ซานติอาโก เบร์นาเบว ในคืนวันพุธที่ 16 เมษายน จะเป็นช่วงเวลาที่พิเศษสำหรับวงการฟุตบอล และแฟนบอลทั่วโลกจะได้เห็นว่า เรอัล  มาดริด จะสามารถสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้งได้หรือไม่ หรือว่า อาร์เซนอล จะยืนหยัดและผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ

คาร์โล อันเชล็อตติ

อันเช่ สุดเซ็ง เกมรับ ราชันชุดขาว เปื่อยยุ่ง ราวกระดาษทิชชู่เปียกน้ำ ย้ำต้องรีบปรับโดยด่วยมิเช่นนั้นมีโอกาสที่จะร่วงจากรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกได้เช่นกัน

คาร์โล อันเชล็อตติ (Carlo Ancelotti) สุดเซ็ง หลังลูกทีมของเขา รีล มาดริด (Real Madrid) ยังออกอาการเป๋ไม่เลิก โดยเกมล่าสุดในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ดันเปิดบ้าน ซานติเอโก้ เบอร์นาบิว พ่ายแพ้ให้กับ เอซี มิลาน (A.C. Milan) ไป 3-1 เรียกได้ว่าอาจจะเป็นพิษจาก ศึก เอลกราซิโก้ ที่แพ้คาบ้านต่อ บาร์เซโลน่า (Barcelona) ไป 4-0 จนถึงตอนนี้ก็ยังหาฟอร์มเก่งไม่เจอ แนวรุกฝืดจัด แถมแนวรับก็เปื่อยยุ่ยเกินกว่าจะบรรยาย ราวกับ กระดาษทิชชู่ ที่เปียกน้ำรอวันฉีกขาด และหากยังเป็นอย่างนี้ต่อไป หากยังปรับแก้เรื่องของเกมรับไม่ได้ก็มีโอกาสไม่น้อยที่จะตกรอบ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รายการที่พวกเขาครอบครอง ความยิ่งใหญ่ มาอย่างยาวนาน คว้าแชมป์มากมายไปถึง 15 สมัย สถานการณ์ล่าสุดเวลานี้ ลูกทีมของ อันเช่ นั้นพ่ายแพ้ไปแล้วถึง 2 นัด จาก 4 เกม เก็บได้แค่ 6 คะแนน อยู่อันดับ 17 ของตารางคะแนนเวลานี้ แถมนัดหน้า พวกเขาต้องบุกไปเยือน ทีมจ่าฝูงของรายการนี้อย่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล (Liverpool) อีกด้วย ซึ่งจะแข่งขันกันในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้

 

เกิดอะไรขึ้นกับฟอร์มของแนวรุก ราชันชุดขาว จู๊ด เบลลิ่งแฮม,เอ็มบัปเป้ และ วินิซิอุส แนวรุกที่น่าจะโหด แต่กลับไม่เป็นอย่างที่คิด

 

ก่อนฤดูกาลจะเริ่มขึ้น เชื่อได้เลยว่า หากมองที่รายชื่อตัวผู้เล่นกับความแข็งแกร่งเดิมที่ทาง รีล มาดริด (Real Madrid) นั้นมีอยู่แล้ว การได้มาซึ่งตัวของ ดาวเตะมหาประลัย กองหน้าระดับโลกที่ใครๆ ต่างกล่าวขวัญถึงอย่าง คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) หากมองดูตามหน้ากระดาษ ชื่อชั้นของนักเตะ ดูๆ แล้ว แทบจะไม่เห็นทางใดเลยที่สถานการณ์ของ รีล มาดริด (Real Madrid)  จะต้องมาดูลำบากยากเย็นขนาดนี้ ในถ้วยรายการนี้ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ถ้วยที่พวกเขานั้นแทบจะจับจองครองมหาอำนาจมาโดยตลอด แต่การพ่ายแพ้ คาบ้าน ต่อ เอซี มิลาน (A.C. Milan) ถึง 3-1 มันก็สะท้อนอะไรหลายๆ อย่าง การพ่ายแพ้แบบคาบ้านสองครั้งติดๆ กัน นับจากในเกมลาลีกา สเปน ที่พ่ายแพ้ต่อ อริตลอดกาล อย่าง บาร์เซโลน่า (Barcelona) ที่สำคัญ เกมนี้ รีล มาดริด (Real Madrid) แม้จะยิงได้ 1 ลูก แต่ก็เป็นการยิงได้จาก จุดโทษ ของ วินิซิอุส จูเนียร์ (Vinícius Júnior) ทั้งที่ การออกสตาร์ท เกมนี้ รายชื่อเกมรุกที่ เราได้เห็น มันไม่ควรจะมีสกอร์แค่นี้ จู๊ด เบลลิ่งแฮม (Jude Bellingham)  ,คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé)  และ วินิซิอุส จูเนียร์ (Vinícius Júnior) นี่คือไลน์อัพ เกมรุกที่น่าจะทะลวงไสได้มากที่สุด แต่ต้องยอมรับเลยว่า ในฤดูกาลนี้ วิธีแทงบอลออนไลน์ ฟอร์มการเล่นของ จู๊ด เบลลิ่งแฮม (Jude Bellingham) นั้นตกวูบไปแบบน่าใจหาย ประกอบกับฟอร์มการยิงประตูของ คิลิยัน เอ็มบัปเป้ (Kylian Mbappé) ก็กลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวังไว้ นั่นทำให้ในเวลานี้ รีล มาดริด (Real Madrid) ต้องตกอยู่สถานการณ์ที่ยากลำบาก ส่วนสำคัญอีกส่วนคือ เกมรับที่มันย่ำแย่ ซะเหลือเกิน นับตั้งแต่พวกเขาขาดแบ็คขวาตัวเก่งอย่าง ดานี่ คาร์บาฆาล (Dani Carvajal) ไปเกมรับของทีมก็อ่อนยวบลงไปแบบน่าใจหาย วิธีแทงบอลออนไลน์ ด้วยสถานการณ์แบบนี้กับการที่จะต้องไปเจอกับ ลิเวอร์พูล (Liverpool) ที่แอนฟิลด์ ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดต่อไป ดูแล้วน่าหนักใจแทน แฟนๆ ราชันชุดยิ่งนัก

 

ชนะแล้วพูดอะไรก็ดีไปหมด ฟอนเซก้า โว มิลาน นั้นเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ดูเล่นง่ายกว่าบอลลีก กัลโช่ ซีรีย์อา

 

เปาโล ฟอนเซก้า กุนซือของทัพ ปิศาจแดงดำ เอซี มิลาน (A.C. Milan) หลังจากพาทีมบุกเอาชนะ ราชันชุดขาว รีล มาดริด (Real Madrid) ได้ถึงถิ่น ซานติเอโก้ เบอร์นาบิว เจ้าตัวก็ได้ทีคุยโว พร้อมชมว่า ลูกทีมของเขานันเล่นด้วยความกล้าทำให้ทีมบุกเอาชนะไปได้ 3-1 นอกจากนี้ยังบอกอีกว่า สไตล์การเล่นของ เอซี มิลาน  (A.C. Milan) ตอนนี้ เหมาะกับฟุตบอลถ้วย อย่าง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มากกว่าฟุตบอล ลีก อย่างศึก กัลโช่ ซีรีย์ อาเสียอีก ในกมนี้ เอซี มิลาน  (A.C. Milan) นำก่อนจาก มาลิค เธียว (Malick Thiaw) แต่ก็มาโดนตามตีเสมอ ได้จาก วินิซิอุส จูเนียร์ (Vinícius Júnior) จากจุดโทษ ก่อนที่ ทีมดังแดนมักกะโรนี จะมาไล่ยิงอีก 2 ลูกได้จาก อัลบาโร โมราต้า (Alvaro Morata) และ ไทจ์ยานี่ ไรจ์เดอร์ส (Tijjani Reijnders) ทำให้ทีม เอซี มิลาน (A.C. Milan) บุกไปเอาชนะได้ 3-1 สถานการณ์ล่าสุดในรายการนี้ อยู่อันดับที่ 18 ติดๆ กับ รีล มาดริด (Real Madrid) ซึ่งก็ยังอยู่เส้นทางการลุ้นเข้ารอบต่อไป สวนทางกับสถานการณ์ภายในลีกที่อยู่ถึงอันดับที่ 7 ของตารางคะแนน กัลโช่ ซีรีย์ อา เลยทีเดียว